ฟอกสีฟันที่บ้าน vs. ที่คลินิก: ต่างกันอย่างไร
รอยยิ้มที่สดใสและฟันที่ขาวสะอาดย่อมเป็นที่ใฝ่ฝันของทุกคน รอยยิ้มที่ขาวไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ แต่ยังสร้างความประทับใจกับคนที่เห็นได้อีกด้วย ปัจจุบันนี้ เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันวางขายอยู่ทั่วไปหมด ตั้งแต่ในร้านสะดวกซื้อไปจนถึงช่องทางออนไลน์ ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า แล้วการฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้านกับการทำที่คลินิกโดยทันตแพทย์นั้นแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับเรา?
เข้าใจสาเหตุของ ฟันเหลือง: ไม่ใช่ทุกคราบจะเหมือนกัน
ก่อนจะเริ่มฟอกสีฟัน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรู้ว่าคราบสีบนฟันของเราเกิดจากอะไร ซึ่งทันตแพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ โดยคราบสีบนฟันแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ:
คราบสีจากภายนอก (Extrinsic Stains): เป็นคราบที่พบบ่อยที่สุด เกิดบนผิวเคลือบฟันด้านนอก สาเหตุหลักมาจากอาหารและเครื่องดื่มที่เราบริโภค เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง รวมถึงการสูบบุหรี่ คราบประเภทนี้สามารถกำจัดได้ง่ายที่สุดด้วยการฟอกสีฟัน
คราบสีจากภายใน (Intrinsic Stains): เป็นคราบที่เกิดลึกถึงชั้นเนื้อฟัน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการใช้ยาบางชนิดในวัยเด็ก, อุบัติเหตุที่เกิดกับฟัน, หรือพันธุกรรม ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ซื้อมาทำเองส่วนใหญ่มักมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะกำจัดคราบประเภทนี้ได้
คราบสีตามวัย (Age-Related Stains): เป็นการผสมผสานของคราบทั้งสองชนิด เมื่ออายุมากขึ้น เคลือบฟันจะบางลงทำให้เห็นสีเหลืองของเนื้อฟันชัดขึ้น ประกอบกับการสะสมของคราบสีจากอาหารและเครื่องดื่มมาตลอดชีวิต
การพยายามวินิจฉัยประเภทของคราบสีด้วยตนเองแล้วไปซื้อชุดฟอกสีฟันมาทำเองนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้ผลและน่าผิดหวัง เพราะหากคราบนั้นเป็นคราบจากภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคราบภายนอกก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดก่อนการฟอกสีฟัน ไม่ใช่การซื้อผลิตภัณฑ์ แต่คือการปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ชุดฟอกสีฟันเองที่บ้าน : สะดวกจริงหรือ?
ชุดฟอกสีฟันเองที่บ้านมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกและราคาที่เข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่นแปะ (Whitening Strips), เจลแบบปากกา (Whitening Gels), หรือถาดฟอกสีฟันพร้อมไฟ LED (LED Light Kits)
อย่างไรก็ตาม ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมกับข้อจำกัดและความเสี่ยงที่สำคัญ:
ผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ: ถาดฟอกสีฟันแบบ “one-size-fits-all” หรือแผ่นแปะ ไม่สามารถแนบสนิทไปกับผิวฟันของทุกคนได้ โดยเฉพาะคนที่มีฟันซ้อน เก หรือไม่เรียบ ทำให้เจลฟอกสีฟันสัมผัสกับผิวฟันได้ไม่ทั่วถึง เกิดเป็นรอยด่าง ขาวไม่เท่ากัน ดูไม่เป็นธรรมชาติ
อาการเสียวฟันและการระคายเคืองเหงือก: เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากถาดที่พอดีจะทำให้เจลฟอกสีฟันรั่วไหลไปสัมผัสกับเหงือกที่บอบบาง ทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ หรือแสบร้อนได้
ไม่ได้ผลกับวัสดุอุดฟันหรือครอบฟัน: ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันจะไม่มีผลกับสีของวัสดุอุดฟัน, ครอบฟัน, หรือวีเนียร์ หากคุณมีวัสดุเหล่านี้อยู่บนฟันหน้า หลังจากฟอกสีฟันเองแล้วจะยิ่งเห็นความแตกต่างของสีที่ตัดกันอย่างชัดเจน
การฟอกสีฟันที่คลินิก : ทางเลือกที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่มีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างปลอดภัยและคาดการณ์ได้
ข้อได้เปรียบของการฟอกสีฟันที่คลินิก:
การให้คำปรึกษาและตรวจสุขภาพช่องปาก: ก่อนเริ่มการรักษา ทันตแพทย์จะตรวจอย่างละเอียดเพื่อวินิจฉัยประเภทของคราบสี ตรวจหาฟันผุหรือโรคเหงือกที่ต้องรักษาก่อน และประเมินวัสดุอุดฟันหรือครอบฟันเดิม เพื่อวางแผนการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเหมาะสมกับคุณที่สุด
การปกป้องเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก: นี่คือขั้นตอนด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดและไม่มีในการทำเองที่บ้าน ทันตแพทย์จะใช้วัสดุกั้นเหงือก (Gingival Barrier) ทาเคลือบไปตามขอบเหงือกอย่างปราณีต เพื่อป้องกันไม่ให้เจลฟอกสีฟันที่เข้มข้นสัมผัสกับเหงือกโดยตรง
เจลฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงและมีประสิทธิภาพ: เจลที่ใช้ในคลินิกเป็นเกรดทางการแพทย์ มีความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) สูงถึง 15%-40% ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ขายทั่วไปหลายเท่า ความเข้มข้นระดับนี้ปลอดภัยภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น และสามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจนได้ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนาน: การฟอกสีฟันที่คลินิกสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้หลายเฉดสีในเวลาเพียง 60-90 นาที และผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึงหลายปี หากมีการดูแลรักษาที่ดี